หากคุณเคยเห็นโฆษณาต่างๆ ที่ผลิตออกมาเพื่อต้องการส่งเสริมและผลักดันให้คนหันมาใส่ใจในสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อย่างเช่น ชุดโฆษณารักษ์ป่าน่าน ชุดโฆษณาพลาสติกไม่ใช่อาหารสัตว์ทะเล หรือการรณรงค์ให้มีการแยกขยะ โดยแบ่งประเภทขยะเป็น -ขยะรีไซเคิล -ขยะทั่วไป -ขยะอันตราย -ขยะอินทรีย์ เป็นต้น อีกทั้งยังมีโครงการของคนรักสิ่งแวดล้อมอีกมากมาย เช่น
- ลดการใช้พลาสติก : พกถุงผ้า พกกล่องอาหาร ปิ่นโต แก้วน้ำ ใช้อุปกรณ์ใส่อาหารที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ
- ลดการใช้พลังงานฟุ่มเฟือย : การควบคุมอุณหภูมิแอร์ที่เหมาะสม การปั่นจักรยานแทนการขับรถ การเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ การปิดสวิตซ์อุปกรณ์ไฟฟ้าและถอดปลั๊กทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าแบบประหยัดไฟ
- ปลูกต้นไม้ : ปลูกพืชผัสวนครัว ปลูกต้นไม้ต่างๆ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ยังมีหลายคนมองข้าม นั่นคือ เศษอาหาร หรือ ขยะอาหาร
ปัจจุบัน ขยะอาหาร นับว่าเป็นปัญหาอันดับต้นๆ ของโลก รองจากปัญหาขยะพลาสติกเลยทีเดียว โดยขยะอาหารเหล่านี้มีต้นทางมาจากทั้งครัวเรือน ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร อาหารบุฟเฟ่ต์ อาหารที่ใช้ตกแต่งจานเพื่อความสวยงาม ทั้งจากในร้านอาหาร ภัตตาคาร หรือโรงแรม วัตถุดิบอาหารเหลือใช้ วัตถุดิบอาหารเน่าเสีย ฯลฯ โดยปัญหาขยะเศษอาหารล้วนมาจากพฤติกรรมการกินและกิจกรรมด้านบริโภคของเราทุกคน และต้องทำการปรับเปลี่ยนโดยเร่งด่วน หากไม่ต้องการให้โลกของเราร้อนขึ้น และมีสภาพภูมิอากาศเลวร้ายไปมากกว่านี้
อาหารและการกินของพวกเราเกี่ยวอะไรกับโลกร้อน?
เพราะทุกครั้งที่เรากินอาหารเหลือ ทิ้งเศษอาหาร วัตถุดิบที่เน่าเสีย ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ หรืออาหารแปรรูปต่างๆ ขยะอาหารเหล่านี้ย่อมจะต้องมีการเน่าเปื่อยและย่อยสลาย และเนื่องจากเป็นวัสดุอินทรีย์ กระบวนการย่อยสลายสสารจะเกิดก๊าซมีเทนและปล่อยลอยขึ้นสู่อากาศ ไปสะสมกับก๊าซอื่นๆที่เรือนกระจก เพิ่มความมวลความหนาให้กับเรือนกระจกที่ปกคลุมโลกอยู่ และทำหน้าที่ในการกรองรังสียูวี ดูดซับความร้อนและสะท้อนกลับ ให้มีอุณหภูมิเหมาะสมต่อสิ่งมีชีวิตในโลก ไม่ให้ร้อนเกินไปหรือหนาวสุดใจจนสิ่งมีชีวิตใดๆก็อยู่ไม่ได้ หากเป็นปริมาณก๊าซมีเทนจำนวนเล็กน้อยก็จะไม่ส่งผลเสียหายต่อโลกมากนัก แต่ขยะอาหารจากการกินเหลือทิ้งของคนเราในปัจจุบัน มีจำนวนมหาศาล และเมื่อไปกองรวมกันที่บ่อทิ้งขยะ ยิ่งขยะเศษอาหารมีมากเท่าไร ปริมาณการปล่อยก๊าซมีเทนก็ยิ่งมากขึ้นทวีคูณ
ขยะอาหารในประเทศไทยในแต่ละปีล้วนแต่มากกว่าล้านตัน ก่อให้เกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม การหมักหมมของกองขยะอาหารเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นดี และยังเป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศของเหล่าสัตว์พาหะนำโรค ส่งผลต่อสุขภาพประชากร เจ็บป่วยง่าย และการระบาดของโรคติดต่อ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยในบริเวณใกล้ทิ้งขยะ อีกทั้งงบประมาณของประเทศที่ต้องใช้ในการกำจัดขยะ และผลเสียที่ได้รับมากที่สุดจากปัญหาขยะอาหาร คือ ภาวะโลกร้อน ที่ยิ่งนับวันก็ยิ่งเลวร้าย และผลกระทบจากการที่โลกร้อนขึ้นที่เห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็น เภทภัยธรรมชาติ สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และโรคเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคอุบัติใหม่ที่กำลังระบาดทั่วโลกในขณะนี้
แนวทางการลดขยะอาหาร
การแก้ปัญหาอาหารเหลือทิ้ง จะต้องมีการร่วมมือกันในทุกภาคส่วน ทั้งจากระบบครัวเรือน ร้านค้า ร้านอาหาร เพื่อให้ปัญหาเศษอาหารจากทุกต้นทางกลายเป็นศูนย์ Zero – Waste หรือให้ทิ้งน้อยที่สุด Food Waste
วิธีลดเศษอาหารจากครัวเรือน
- ทำรายการอาหารที่จะซื้อ เพื่อตัดปัญหาในการซื้อของที่ไม่จำเป็นหรือซื้อซ้ำ ลดการทิ้งอาหารหมดอายุหรือเน่าเสียเพราะทานไม่ทัน
- เก็บอาหารให้เหมาะสมกับประเภทอาหาร เช่น มันฝรั่ง หัวหอม และกระเทียม สามารถเก็บไว้นอกตู้เย็นได้ หรือขนมปังที่อาจทานไม่หมดก็นำไปแช่ช่องแข็งได้ เป็นต้น เพราะการเก็บอาหารที่ไม่เหมาะสม อาจเป็นการทำให้ต้องทิ้งอาหารไปอย่างน่าเสียดาย
- แปรรูปอาหารจานเดิมให้เป็นอาหารจานใหม่ ด้วยการนำวัตถุดิบหรืออาหารที่ทานไม่หมด มาดัดแปลงเป็นเมนูใหม่ เช่น ผักสลัดมื้อที่แล้ว นำมาทำผัดผักในมื้อนี้ เป็นต้น
- การถนอมอาหาร เช่น นำผลไม้ที่มีมากเกินไปมาทำเป็นแยม แช่อิ่ม หรืออบแห้ง และแม้แต่การแช่ผักในช่องฟรีซ เพื่อถนอมผักไว้ใช้ได้นานขึ้น เป็นต้น
- ทำอาหารไปทานที่โรงเรียน ที่ทำงาน ช่วยลดค่าใช้จ่าย และยังช่วยลดการก่อก๊าซเรือนกระจก หากมีเวลาน้อยในการจัดเตรียมอาหาร ก็อาจทำแล้วแบ่งเป็นมื้อๆ เก็บไว้ในช่องฟรีซ เมื่อจะทานก็เพียงแค่นำไปอุ่นเท่านั้น
- ดัดแปลงเมนูอาหารจากเศษผักหรืออาหารทานเหลือ เช่น นำเศษผักเหลือๆ อย่างละนิดละหน่อยมาทำเป็นซุปผัก ส้มตำ อ่อม จับฉ่าย หรือนำไปผัดน้ำมันหอยรวมๆกัน ก็จะไม่มีเศษผักให้ทิ้งแล้ว
- ทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร ซึ่งเป็นอีกวิธีการใช้เศษอาหารให้เกิดประโยชน์สูงสุด เปลี่ยนจากเศษอาหารของคนให้กลายเป็นอาหารของต้นไม้และพืชผัก เป็นระบบหมุนเวียนที่ส่งผลดีต่อระบบนิเวศน์อย่างแท้จริง และความเป็นไปได้ของแนวทางลดขยะเศษอาหารให้เป็นศูนย์ ยิ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน มีอุปกรณ์กำจัดเศษอาหารและย่อยสลายให้กลายเป็นปุ๋ยได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องยุ่งยาก ซับซ้อน หลายขั้นตอน และใช้เวลานานๆ แบบการหมักปุ๋ยแบบดั้งเดิม และต่อให้มีพื้นที่น้อย อย่างการอาศัยในห้องเช่า อพาร์ทเม้น แฟลต หรือ คอนโด ก็ตาม ก็สามารถมีเครื่องเจ้าเครื่องที่ว่านี้ได้ จึงทำให้ไม่ว่าใครก็ตาม ก็สามารถกำจัดขยะเศษอาหารได้แบบ Zero Waste และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตั้งแต่ในครัวบ้านตัวเอง
การตระหนักถึงคุณค่าของอาหาร ก็จะช่วยให้การทิ้งอาหารนั้นน้อยลง ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมในเชิงบวก และเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรที่สำคัญต่อทุกชีวิตในโลกให้คงมีอยู่อย่างไม่หมดสิ้น นั่นก็คือ อาหาร และถ้าคุณเองก็ต้องการเป็นอีกคนที่มีส่วนร่วมในการรักษ์โลก ช่วยกันให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้น แต่ยังไม่รู้ว่าจะสามารถทำได้อย่างไร Hass Thailand คือคำตอบที่ใช่ในคำถามของคุณ