แบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาคุ้มค่า ใช้งานได้นาน

“แบตเตอรี่” (Battery) อุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ สำหรับเครื่องยนต์ ที่เจ้าของรถทุกคนรู้กันดี และยังเป็นชิ้นส่วนที่จะต้องมีการเปลี่ยนอยู่เสมอ เนื่องจากมีอายุการใช้งานจำกัด แต่จะยาวนานได้แค่ไหน นอกจากวันหมดอายุแล้ว ยังขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน และการดูแลของเจ้าของรถด้วย 

โดยส่วนใหญ่ แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 2 ปี แต่ถ้าหากรถคันโปรดเริ่มแผลงฤทธิ์ สตาร์ทติดยากขึ้น บางครั้งก็ดับเสียดื้อๆ ไฟในรถจากที่สว่างดี ก็ริบหรี่แบบไม่มีอนาคต กระจกไฟฟ้าเปิด ปิด แบบสโลวโมชั่น แถมหนืด จนต้องคอยลุ้นทุกครั้งที่เลื่อนกระจก หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับรถของคุณ นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่า แบตเตอรี่ของคุณใกล้จะหมดสภาพ และถึงเวลาต้องเปลี่ยนลูกใหม่แล้ว 

เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ สำหรับใครที่สะดวกใจใช้แบตเตอรี่แบบเดิม ที่ถูกติดตั้งมากับรถจากโรงงาน จะไม่ค่อยปวดหัว เรื่องการเลือกแบตเตอรี่ลูกใหม่ ว่าจะใช้แบตเตอรี่ยี่ห้อไหนดี แต่ก็มีผู้ใช้รถอีกจำนวนไม่น้อย ที่ต้องการจะเปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่จากเดิม แต่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ยี่ห้อไหนดี แบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อไหนดีที่สุด ซึ่งบางคนอาจเลือกตามคนอื่นแนะนำ หรือหาข้อมูลตามเว็บไซต์ต่าง ๆ และอาจเลือกซื้อตามยอดรีวิวบนแพลตฟอร์มออนไลน์  

แบตรถยนต์ยี่ห้อไหนดีสุด

เปลี่ยนแบตรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ถึงจะได้แบตเตอรี่รถยนต์ที่ดีที่สุด แบตเตอรี่ที่ทนที่สุด หรือรถติดเครื่องเสียงใช้แบตเตอรี่ยี่ห้อไหนดีกว่ากัน อย่างที่เกริ่นไปก่อนแล้ว ว่ามันจะต้องประกอบด้วยหลายๆอย่าง เพราะถ้าซื้อแบตเตอรี่ยี่ห้อดัง หรือราคาแบตเตอรี่รถยนต์แพงแค่ไหนก็ตาม แต่ซื้อมาแล้ว ไม่ตรงกับประเภทของรถ ก็ใช้งานไม่ได้ สตาร์ทไม่ติด หรือใช้ไปไม่นาน แบตเสื่อม แบตหมด นั่นเพราะชิ้นส่วนระหว่าง แบตเตอรี่ กับเครื่องยนต์รถ ไม่ตรงกัน เหมือนคุณใช้โทรศัพท์ไอโฟน แต่คุณกลับซื้อที่ชาร์จของแอนดรอยด์ ต่อให้ซื้อยี่ห้อดีที่สุด ราคาแพงที่สุด ก็ไม่สามารถใช้งานได้ หรือต่อให้ใช้งานได้ ก็ไม่มีประสิทธิภาพที่ดีพอ 

ก่อนจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ จะต้องทำความเข้าใจ ว่ารถที่ใช้งานอยู่นั้น เป็นรถประเภทอะไร เหมาะกับการใช้แบตเตอรี่ชนิดใด รวมถึงพฤติกรรมการใช้รถ และความเอาใจใส่ดูแลรถของตนเอง มีมากน้อยแค่ไหนด้วย แบตเตอรี่ที่นิยมใช้ในประเทศไทย จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ ด้วยกัน ได้แก่  

1.แบตเตอรี่น้ำ หรือ แบตเตอรี่น้ำกลั่น จะมีการเติมน้ำกรดจากโรงงาน หรือจากผู้ผลิตมาให้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่างขีดบนกับขีดล่าง เมื่อมีการใช้งานไปเรื่อยๆ น้ำกรดจะมีการระเหย ทำให้มีการสูญเสียน้ำ จึงต้องหมั่นตรวจสอบ และคอยเติมน้ำกลั่นลงไป แต่ไม่ควรเติมน้ำกลั่นเกินขีด upper เพราะน้ำกรดในแบตเตอรี่ จะล้นมากัดสีรถ กัดตัวถังรถ และอาจทำให้รถเป็นสนิม ก่อความเสียหายกับรถยนต์ได้ 

การใช้แบตเตอรี่น้ำ จะต้องคอยหมั่นตรวจสอบระดับน้ำในแบตเตอรี่ หากเป็นแบตเตอรี่ที่เพิ่งซื้อใหม่ อาจเช็คทุก ๆ 3 – 4 เดือน หรือประมาณ 10,000 – 15,000 กม. แต่ถ้าใช้งานมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป จะต้องเพิ่มความถี่ในการเช็คน้ำกลั่น เป็นทุก ๆ 1 เดือน หรือทุก ๆ 5,000 กม. เพราะแบตเตอรี่น้ำเมื่อถูกใช้งานไปเรื่อยๆ แผ่นธาตุจะค่อยๆเสื่อม ๆ สภาพ การกินน้ำก็จะเยอะขึ้น ทำให้น้ำหมดเร็วขึ้นด้วย

2.แบตกึ่งแห้ง (Maintenance free) หรือ Low Maintenance  แบตเตอรี่ชนิดนี้ มีความกึ่งแห้ง กึ่งน้ำ โดยจะมีสติกเกอร์แปะไว้ เมื่อลอกสติกเกอร์ออกจะเห็นฝา ที่สามารถเปิด เพื่อเติมน้ำกลั่นได้ แม้จะเป้นแบตเตอรี่กึ่งแห้ง แต่ก็ยังต้องคอยหมั่นเช็ค และเติมน้ำกลั่นอยู่ เพียงแต่ไม่ต้องเติมบ่อยเท่าแบตเตอรี่น้ำ และจะมีราคาสูงกว่าแบตเตอรี่น้ำ 

3.แบตเตอรี่แห้ง หรือ แบตชนิด SMF ( Sealed Maintenance Free ) แต่ข้างในไม่แห้งตามชื่อ เพราะข้างในจะมีน้ำกรดอยู่ เพียงแต่มันถูกปิดสนิท เพราะไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ไม่ต้องคอยเช็คน้ำกลั่น ตลอดอายุการใช้งาน จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับคนที่ไม่มีเวลาดูแลรถ หรือไม่มีความรู้เรื่องรถ 

4.แบตเตอรี่ไฮบริด เป็นแบตเตอรี่ที่ถูกพัฒนาจากแบตเตอรี่น้ำ โดยคงข้อดีเรื่องอายุการใช้งานได้นานไว้ และปรับข้อเสียเรื่องการสูญเสียน้ำง่าย ทำให้ต้องคอยเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ ด้วยข้อดีของแบตเตอรี่แห้งมาใช้ จึงนับว่าเป็นแบตเตอรี่ลูกผสม ระหว่าง แบตเตอรี่แห้ง และแบตเตอรี่น้ำ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น 

เมื่อรู้ประเภทของแบตเตอรี่ชนิดใด เหมาะสมกับรถที่ใช้อยู่ และเข้ากับสไตล์การใช้รถของเราแล้ว อันดับต่อไป ก็คือดูองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อในการเลือกแบตรถยนต์ เราควรดูจากอะไรบ้าง 

แบตเตอรี่รถยนต์ใช้ได้กี่ปี วันหมดอายุแบตเตอรี่รถยนต์จำเป็นแค่ไหน ทำไมต้องดูวันหมดอายุ?

เนื่องจากแบตเตอรี่รถยนต์แต่ละลูก ก็มีการปริมาณการใช้ที่จำกัด และจะต้องมีวันหมดอายุระบุแจ้ง เพื่อให้ผู้ใช้รถ สามารถคำนวณระยะเวลาในการใช้งานของแบตเตอรี่ และสะดวกต่อการวางแผนในการซื้อแบตเตอรี่ลูกใหม่ ลดความเสี่ยงแบตหมดขณะใช้งาน เพราะไม่รู้วันหมดอายุ ทำให้ไม่รู้ว่าต้องซื้อเปลี่ยนแบตเมื่อไรกันแน่  ดังนั้น แบตเตอรี่แต่ละลูก จะต้องมีการระบุวันหมดอายุ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ด้านบนวัสดุ เพื่อให้สามารถเห็นได้ชัด ๆ จึงควรสังเกตวันหมดอายุของแบตเสมอ ก่อนทำการซื้อ จะได้แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน และคุ้มค่าที่สุด และไม่ต้องคอยลุ้นว่า แบตจะหมดกลางทางเมื่อไร

โดยปกติแบตเตอรี่รถยนต์ชนิดน้ำกลั่น และแบตเตอรี่กึ่งแห้ง จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 1.5 – 2 ปี หรือไม่เกิน 3 ปี แต่แบตเตอรี่กึ่งแห้ง ไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ อาจเพียงแค่ปีละ 2 ครั้งเท่านั้น ในขณะที่แบตเตอรี่น้ำ ต้องคอยเติมน้ำกลั่นทุกเดือน และสำหรับแบตเตอรี่แห้ง จะมีอายุการใช้งาน ประมาณ 2 – 3 ปี และอาจใช้ได้ต่อเนื่องถึง 5 ปี หากมีการรักษาที่ดี และใช้งานอย่างถูกต้อง โดยที่ไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรมาก ตลอดอายุแบตเตอรี่แห้ง แต่จะมีราคาสูงกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่น 

ราคาแบตเตอรี่รถยนต์ แม้ว่าจะต่างร้านหรือต่างยี่ห้อ จะต้องดูเรื่องประเภทแบตเตอรี่ รุ่นและขนาดแบตรถ หากแบตเตอรี่ที่ใช้กับรถรุ่นเดียวกัน จำนวนแอมป์เท่ากัน แบตเตอรี่รถยนต์ราคาจะต้องไม่ต่างกันมาก ลองสำรวจแต่ละร้าน ซึ่งเป็นอีกวิธีเลือกแบตเตอรี่รถยนต์ เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อ แบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อไหนดี โดยอาจหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ออนไลน์ รีวิวจากผู้ใช้จริง หรือร้านใกล้บ้าน และศูนย์อะไหล่รถต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อจะทำการซื้อจริง จะต้องสอบถามหน้างานอีกครั้ง เพราะราคาแบตเตอรี่ก็มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 

วิธีซื้อแบตเตอรี่ลูกใหม่ ควรซื้อแบตรถยนต์ที่มีจำนวนแอมป์ (Ah) เท่ากับแบตเตอรี่ลูกเดิม หรือมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย แต่ไม่ควรซื้อแบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่าลูกเดิม เพราะเห็นว่าแบตเตอรี่ราคาถูกกว่า เด็ดขาด เพราะจะส่งผลในการทำงาน ต่อระบบอื่นๆในเครื่องยนต์ เช่น ไดชาร์จ และเมื่อระบบรวนแล้ว จะทำให้มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามมา 

ค่า CCA หรือค่ากำลังสตาร์ท จะเป็นคนละค่าหรือต่างกับ Ah (ขนาดความจุของแบตเตอรี่) ที่มีไว้สำหรับจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถยนต์ เป็นค่าบอกความสามารถในการจ่ายไฟ เพื่อให้มอเตอร์สตาร์ทได้ดึงไฟไปใช้ในการสตาร์ทรถ โดยรถยนต์แต่ละประเภท แต่ละขนาด ต้องการค่า CCA ไม่เท่ากัน รถที่มีเครื่องยนต์มีความจุมาก ก็ยิ่งต้องการค่า CCA มากขึ้นตามไปด้วย รวมไปถึงมาตรฐานของยี่ห้อแบตเตอรี่รถยนต์ จะมีความแตกต่าง และไม่เท่ากัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับผู้ผลิตของรถแบรนด์นั้น ๆ ด้วย ดังนั้น ไม่ควรซื้อแบตเตอรี่ ที่มีค่า CCA ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้จากผู้ผลิต  เพราะค่า CCA แบตเตอรี่ แต่ละยี่ห้อ ก็ค่าต่างกันด้วย 

กรณีรถที่มีการใช้งานหนัก หรือเป็นรถที่มีอายุการใช้งานมานาน ควรซื้อเปลี่ยนแบตเตอรี่ โดยเพิ่มค่า Ah มากขึ้นกว่าแบตลูกเดิม เช่น แบตเตอรี่ลูกเดิม 12v 65Ah อาจเปลี่ยนแบตลูกใหม่เป็น 12v 70Ah เนื่องจากประสิทธิภาพของอุปกรณ์ต่างๆในรถ ที่ผ่านการใช้งานมานาน ย่อมเสื่อมลงไปตามกาลเวลา และตามสภาพการใช้งาน การเปลี่ยนแบตที่มีค่า Ah มากขึ้นกว่าเดิม จะช่วยเพิ่มกำลังไฟฟ้าสำรองได้มากขึ้น สตาร์ทได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงเรื่องกระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอ เป็นการป้องกันที่จะส่งผลต่อแบตเสื่อมเร็ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูด้วยว่า พื้นที่สามารถวางแบตเตอรี่ลูกใหญ่กว่าเดิมได้หรือไม่ 

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า การจะมองว่า แบตเตอรี่ยี่ห้อไหนดีที่สุด หรือแบตเตอรี่แห้งยี่ห้อไหนดีกว่า จะต้องรู้รายละเอียดเรื่องรถของเราก่อน จากนั้นจึงค่อยตรวจเช็ค ข้อมูลแบตเตอรี่ จากประเภทแบตที่ตรงกับมาตรฐานเดิมของรถ หรือลักษณะการใช้รถของผู้ขับ ส่วนวิธีการเลือกซื้อแบตเตอรี่ข้ออื่นๆนั้น เราได้นำมาฝากตามข้อความข้างบนทั้งหมดแล้ว หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่ให้ประโยชน์ และสามารถนำไปประกอบในการตัดสินใจ เพื่อเลือกซื้อแบตเตอรี่ลูกใหม่มีคุณภาพ กำลังไฟเสถียร แบตทน อึด ใช้งานได้นาน ให้กับรถคันโปรดแสนรักได้อย่างคุ้มค่าที่สุด