ประเทศไทยมีอากาศร้อนและร้อนอบอ้าวตลอดปี แม้จะมีฤดูฝนและฤดูหนาว แต่ปัจจุบัน ก็แทบจะสัมผัสฤดูหนาวได้น้อยเต็มที และอากาศก็ยังคงร้อนได้ตลอดทั้งปี สิ่งอำนวยความสะดวกที่เข้ามาทดแทนก็คือ “เครื่องปรับอากาศ”
“แอร์” แทบจะเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ เปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำดับความร้อนระอุ แต่สิ่งที่ตามมาให้กังวลคือ ค่าไฟ เพราะแอร์เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าอีกชนิดหนึ่ง ที่เรียกได้ว่ากินไฟเปลืองมาก ไหนจะค่าซ่อมบำรุง ดูแลรักษา ค่าทำความสะอาด เปลี่ยนไส้กรอง อีกจิปาถะ
เมื่อใช้แอร์ไปนานๆ ก็จะมีฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกเข้าไปสะสมในเครื่องปรับอากาศ จนอาจทำให้ท่ออุดตันในท่อน้ำแอร์ ทำให้แอร์มีน้ำหยด และยังกระจายฝุ่น เชื้อโรคต่างๆ ขณะที่แอร์ทำงาน ส่งผลต่อสุขภาพได้ จึงต้องมีการทำความสะอาดแอร์ เพื่อชะล้างนำสิ่งสกปรกเหล่านั้นออก นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว ยังช่วยให้แอร์มีประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น ลดการทำงานหนักของเครื่อง การใช้พลังงานไฟก็จะน้อยลงอีกด้วย

เรามาเริ่มเคล็ดลับการใช้แอร์ให้ประหยัดค่าไฟกันเลยดีกว่า วิธีใช้แอร์ให้ประหยัดค่าไฟอันดับแรกเราได้เกริ่นกันไปบ้างแล้ว นั่นก็คือการทำความสะอาด
ทำความสะอาดแอร์ ปีละ 2 ครั้ง เป็นอย่างน้อย
เพราะเมื่อแอร์ใช้งานไปนานๆ ย่อมมีฝุ่นมีสิ่งสกปรกเข้าไปสะสมในเครื่อง ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง เมื่อมีสิ่งสกปรกหรือฝุ่นภายใน ทำให้แรงลมแอร์ถูกขัดขวาง และระบบการทำงานต่างๆ ต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อใช้แรงดันในการผลักดัน ให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นสาเหตุต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ก็คือกินไฟมากขึ้น สรุป เราต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้นนั่นเอง
อุณหภูมิแอร์ 25 องศาขึ้นไป
ตั้งอุณหภูมิแอร์ 25 องศาคืออุณหภูมิที่พอเหมาะ เป็นอุณหภูมิที่ร่างกายรู้สึกสบายที่สุด แต่ก็สามารถตั้งมากขึ้นกว่านั้นได้ เช่น อาจตั้งอุณหภูมิแอร์ 26-27 องศา หากยังรู้สึกเย็นสบายอยู่ เพราะอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น แอ์ก็ทำงานน้อยลง ช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดค่าไฟได้ด้วย

ควบคุมชั่วโมงการเปิดแอร์
ปิดแอร์ก่อนจะเลิกใช้งานจริงอย่างน้อย 30 นาที เช่น ตั้งเวลาปิดแอร์ก่อนเวลาตื่นนอนจริง ประมาณ 30-60 นาที ปิดแอร์ก่อนเลิกงาน 30 นาที เพราะไอเย็นจากแอร์ยังคงหลงเหลือ และสามารถอยู่ในห้องได้อย่างสบายๆ ประมาณ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง เลยทีเดียว และปิดแอร์ช่วงเวลาพักกลางวัน(ระบบสำนักงาน) สิ่งเหล่านี้นอกจากจะเป็นการประหยัดพลังงานแล้ว ยังช่วยถนอมเครื่องปรับอากาศมีอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น
หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องไฟฟ้า
เพราะหน้าที่หลักของแอร์ คือการลดอุณหภูมิภายในห้อง หรือภายในอาคาร เพื่อให้มีความเย็นสบาย เมื่อมีการใช้เครื่องไฟฟ้าที่มีความร้อน ยิ่งมากเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องครัว การทำอาหาร การอบขนม การรีดผ้า หรือแม้แต่การใช้หม้อต้มน้ำร้อนก็ตาม สิ่งเหล่านี้จะทำให้แอร์ยิ่งทำงานหนักในการลดอุณหภูมิ ถ้าหลีกเลี่ยงได้ ก็จะช่วยแอร์ไม่ต้องใช้พลังงานมากเกินไป และประหยัดไฟได้อย่างดี
ไม่ใช้แอร์ในสถานที่เปิดโล่ง
เพราะการเปิดแอร์ในห้องที่เปิดโล่ง หรือมีทางขึ้นบันได ทางเดินไปห้องอื่นๆ โดยไม่มีประตูแบ่งกั้น อย่างเช่นห้องโถงนั้น นอกจากแอร์จะไม่เย็นแล้ว ยังทำให้แอร์ทำงานหนักมากขึ้นกว่าปกติ ส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้น แต่ถ้าหากจำเป็นต้องใช้แอร์ในห้องเปิดโล่งเช่นนี้จริงๆ ก็ควรติดตั้งฉากกั้นแบบเปิด-ปิด สำหรับกั้นทางขึ้นบันได กั้นทางเดินไปห้องอื่นๆ ติดม่านและปิดหน้าต่าง ก็จะช่วยให้แอร์ทำงานน้อยลง
ใช้พัดลมเป็นผู้ช่วย
เปิดพัดลมไล่ความร้อนในห้องก่อนเปิดแอร์ จะช่วยลดความร้อนภายในห้องในระดับหนึ่ง เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ แอร์ก็จะทำงานไม่หนักในการลดอุณหภูมิ และการเปิดพัดลมระหว่างที่เปิดใช้งานแอร์ พัดลมจะช่วยกระจายไอความเย็นของแอร์ให้กระจายไปทั่วห้อง นอกจากนี้การเปิดพัดลมควบคู่การเปิดแอร์ แม้จะเปิดที่อุณหภูมิ 26-27 องศา ก็ยังรู้สึกเย็นสบาย แถมช่วยประหยัดไฟได้อีก
ไม่นำความชื้นเข้าห้อง
แอร์จะใช้พลังงาน 70% สำหรับกำจัดความชื้น แต่จะใช้พลังงานทำความเย็นเพียง 30% จึงทำให้อากาศในห้องแห้ง จึงควรเลี่ยงในการนำสิ่งของที่มีความชื้นเข้าในบริเวณที่กำลังใช้งานแอร์ เช่น การแต่งห้องด้วยต้นไม้หลายๆต้น (แต่ถ้าต้องการมีต้องไม้ไว้ ให้เลือกเป็นไม้ฟอกอากาศ และไม่ควรมีจำนวนมากเกินไป) การตากผ้าเปียก หรือแม้แต่ความชื้นจากห้องน้ำ เป็นต้น
ติดฟิล์มกันความร้อน
ติดฟิล์มกันความร้อน ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีฟิล์มกันความร้อนชนิดใส มีจำหน่ายมากมาย สามารถเลือกซื้อได้สะดวก โดยไม่ต้องห่วงว่าจะทำให้บ้านมืด การติดฟิล์มจะช่วยกำจัดอุณหภูมิความร้อนระหว่างวันได้เป็นอย่างดี หรือถ้าไม่สะดวก ก็ติดผ้าม่านก็ช่วยได้เช่นกัน

ติดตั้งคอมเพรสเซอร์บริเวณที่เหมาะสม
คอมเพรสเซอร์แอร์ เป็นตัวระบายความร้อน จึงควรอยู่ในที่ร่ม และควรอย่างยิ่งที่จะยกสูงขึ้นเหนือพื้น เพื่อการถ่ายเทอากาศจากคอมเพรสเซอร์ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่เป็นพื้นปูน หรือดาดฟ้า รวมไปถึงที่โดนแสงแดดได้โดยตรง และมุมอับ หรือมีสิ่งกีดขวางต่างๆ เพราะจะส่งผลต่อการถ่ายเทอากาศ และการทำงานของเครื่อง
ปิดหน้าต่าง ประตู ให้สนิท
ก่อนเปิดแอร์ทุกครั้ง ีควรจะสำรวจว่าปิดประตู หน้าต่าง หรือบานเกล็ดหมดแล้วทุกบาน อย่าให้มีช่องว่างที่ทำให้อากาศร้อนภายนอกเล็ดลอดเข้ามา เพราะจะเป็นการเพิ่มการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ที่ต้องลดอุณหหภูมิ และรักษาความเย็นในห้องไว้ตลอด
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะดูแลรักษาหรือใช้งานแอร์แบบไหนก็ตาม การใช้งานแอร์ได้อย่างดีที่สุด คือการเปิดแอร์เท่าที่จำเป็น อย่าติดนิสัยเปิดแอร์ตลอดเวลา แม้อากาศจะไม่ร้อน หรือชอบเปิดแอร์อุณหภูมิสูงๆ ทั้งที่ใส่เสื้อกันหนาว นอกจากเปิดแอร์เท่าที่จำเป็นจะเป็นการประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานของโลก เป็นการช่วยรักษ์โลกง่ายๆที่คุณสามารถทำได้