เชื่อว่าหลาย ๆ คนชอบที่จะใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเมื่อซักผ้า เพื่อให้เสื้อผ้านุ่ม และมีกลิ่นหอม ใส่แล้วรู้สึกสดชื่น สะอาด แต่รู้ไหมว่าประโยชน์ของน้ำยาปรับผ้านุ่มสามารถนำไป D I Y ใช้ในด้านอื่น ๆ ได้ด้วย บอกเลยว่าใช้คุ้มกว่าเดิม หากนำไปดัดแปลงตามทริคดี ๆ ที่เรานำมาฝากในวันนี้ แต่จะนำน้ำยาปรับผ้านุ่มใช้ทำอะไรได้บ้าง อย่ารอช้า ไปดูกันเลยค่ะ
ฉีดผ้าซ้ำก่อนตาก ให้ผ้าหอมติดทน
หลายคนอาจเคยเจอปัญหา ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม ตอนซักก็หอมดี แต่พอนำไปตาก ผ้าไม่ค่อยหอม หรือกลิ่นจางจนแทบไม่ได้กลิ่น ทริคง่าย ๆ ในข้อนี้ เพียงนำน้ำยาปรับผ้านุ่มผสมกับน้ำสะอาด ใส่ขวดหัวฉีดฟ็อกกี้ เขย่าให้เข้ากัน แล้วฉีดใส่เสื้อผ้าหลังนำออกจากเครื่อง แล้วตากเลยค่ะ วิธีนี้จะทำให้น้ำยาซึมเข้าเนื้อผ้า กลิ่นหอมติดทนนานขึ้น เมื่อผ้าแห้งก็ยังได้กลิ่นหอมแตะจมูก หรืออีกวิธีง่ายกว่านั้น คือ นำเสื้อผ้าไปแช่น้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วนำไปตากโดยไม่ต้องบิด ก็จะทำให้ผ้าหอมฉ่ำและติดทนเหมือนกันค่ะ
ใช้แทนน้ำยารีดผ้า ผ้าหอมและรีดเรียบขึ้น
สำหรับใครที่ไม่ชอบใช้น้ำยารีดผ้า หรือน้ำยารีดผ้าหมดกระทันหัน หรือหากลิ่นเดียวกับน้ำยาปรับผ้านุ่มไม่เจอ แล้วไม่อยากให้กลิ่นมันตีกันเพราะคนละกลิ่น สามารถใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มแทนน้ำยารีดผ้าได้เช่นกัน นอกจากจะทำให้ผ้าหอมมาก ๆ และได้กลิ่นถูกใจ แต่ยังช่วยให้ผ้ารีดเรียบเหมือนใช้น้ำยารีดผ้าเรียบเลยล่ะ โดยใช้วิธีเดียวกับข้อที่ 1 เลยค่ะ ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มกับน้ำสะอาดในขวดฟ็อกกี้ แล้วฉีดผ้าก่อนรีดเหมือนการรีดผ้าทั่วไป
ถ้าใครที่ผสมไว้ในฟ็อกกี้ใช้ฉีดผ้าก่อนตากในข้อที่ 1 อยู่แล้ว ก็นำมาใช้งานต่อได้เลย เรียกได้ว่า ผสมใส่ฟ็อกกี้ทีเดียวใช้ได้คุ้มหลายอย่าง และรับรองว่าวิธีนี้ จะได้ผ้าที่เรียบ นุ่ม และหอมจนคนต้องทัก
ลดกลิ่นอับในตู้เสื้อผ้า
ตู้เสื้อผ้ามักจะมีกลิ่นอับ ยิ่งช่วงหน้าฝน หรือช่วงที่อากาศชื้น ๆ ยิ่งมีโอกาสที่ตู้ผ้าเหม็นอับได้มากกว่าเดิม หลายคนอาจใช้วิธีใส่น้ำหอม แขวนถุงหอมในตู้เสื้อผ้า หรือใช้ประโยชน์จากกากกาแฟดับกลิ่นอับตู้เสื้อผ้า แต่น้ำยาปรับผ้านุ่มใช้ขจัดกลิ่นอับตู้ผ้าได้เช่นกันนะ ช่วยให้ตู้ผ้ามีกลิ่นหอมฟุ้งตลอดเวลา แถมยังทำให้ผ้าหอมยาวนานขึ้นกว่าเดิม หากใช้ร่วมกับข้อแรกและข้อ 2 มาต่อเนื่องจนถึงข้อนี้
โดยวิธีทำ เพียงเทน้ำยาปรับผ้านุ่มใส่ภาชนะเล็ก ๆ แล้วนำไปวางไว้ในมุมตู้เสื้อผ้า เลือกมุมที่มั่นใจว่าจะไม่ไปชนจนทำให้หกเลอะเทอะ จากนั้นก็ปิดตู้ไว้ เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าก็จะได้กลิ่นหอมสดชื่นแทนกลิ่นอับแล้ว และเพิ่มเคล็ดลับอีกนิด ซองน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใช้จนหมดแล้วอย่าทิ้ง! นำมาตัดขอบแล้วตากให้แห้ง จากนั้นให้นำซองเปล่าไว้ในตู้เสื้อผ้า ก็จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอม ช่วยประหยัดการเติมน้ำยาใส่ตู้ และเมื่อซองหมดกลิ่นแล้ว ก็ยังสามารถส่งต่อไปรีไซเคิลกับกลุ่มที่รับบริจาคต่าง ๆ ได้อีก เรียกได้ว่าใช้คุ้มค่าและรักษ์โลกอีกด้วยล่ะ
ผสมไว้ถูพื้นและเช็ดเฟอร์นิเจอร์
ใช่แล้ว อ่านไม่ผิดค่ะ น้ำยาปรับผ้านุ่มสามารถใช้ผสมถูพื้นบ้านและเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ได้ เพราะจะช่วยให้บ้านมีกลิ่นหอม และยังทำให้บ้านไม่ค่อยมีฝุ่นเกาะด้วย เพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มมีความมันและลื่นเล็กน้อย ทำให้ฝุ่นเกาะยากกว่าเดิม เป็นการช่วยลดฝุ่นในบ้านให้น้อยลงไปด้วย โดยวิธีนี้ ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ½ ฝา ผสมน้ำสะอาด 2 ลิตร แล้วนำไปถูพื้นตามปกติ หรือเช็ดเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ภายในบ้านได้เลย เพียงเท่านี้บ้านก็หอมฟุ้งแล้วค่ะ
สเปรย์ดับกลิ่นห้อง
หากถูพื้นแล้วแต่รู้สึกยังไม่พอ นำน้ำยาปรับผ้านุ่มในฟ็อกกี้จากข้อแรกมาฉีดให้ทั่วบริเวณบ้านต่อก็ได้เช่นกันนะ หรือจะผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มใส่ขวดสเปรย์ไว้ฉีดพ่นต่างหาก ใช้ดับกลิ่นอับตามจุดต่าง ๆ หากฉีดแล้วรู้สึกว่าพื้นบ้านลื่นหรือเหนียวเกินไป ก็ลดปริมาณน้ำยาปรับผ้านุ่มลง เพิ่มปริมาณน้ำเปล่าให้มากขึ้น แต่อย่าฉีดมากไปนะคะ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองจมูกได้ค่ะ
ช่วยให้กระจกใส วิ๊ง วิ๊ง
สามารถใช้ได้กับกระจกในบ้านแทบทุกชนิด กระจกส่องหน้า กระจกหน้าต่าง กระจกประตูเลื่อน วิธีก็ง่ายมาก ๆ เพียงนำน้ำยาปรับผ้านุ่มผสมน้ำ ใช้ผ้าชุบน้ำที่ผสมไว้ แล้วนำไปเช็ดกระจกได้เลย จากนั้นใช้ผ้าแห้งเช็ดซ้ำอีกรอบ แนะนำให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ เพื่อจะได้ไม่ทิ้งรอยคราบ ฝุ่น และเศษผ้าบนกระจกหลังเช็ดทำความสะอาดค่ะ เพียงเท่านี้กระจกก็ใสวิ๊ง วิ๊ง แล้ว
ขจัดคราบสติ๊กเกอร์
เมื่อแกะสติ๊กเกอร์ มักจะมีรอยคราบกาวทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ลอกก็ไม่ออก ใช้แปรงขัดถูก็ออกไม่หมด ลองนำผ้าชุบน้ำยาปรับผ้านุ่มแบบเพียว ๆ ไม่ต้องผสมน้ำใด ๆ ทั้งสิ้น ไปถูวน ๆ รอบรอยคราบกาว สักพักคราบก็จะหลุดออก เพราะความลื่นของน้ำยาปรับผ้านุ่มจะช่วยให้คราบกาวเหนียว ๆ ลอกหลุดง่ายขึ้น